นักโภชนาการเตือน! 3 ของกินไม่ควรอุ่นซ้ำในไมโครเวฟ มี 1 สิ่งคนไทยกินทุกวัน
3 ของกินไม่ควรอุ่นซ้ำในไมโครเวฟ
การอุ่นอาหารซ้ำในไมโครเวฟเป็นการทำให้ชีวิตประจำวันสะดวกขึ้น แต่การอุ่นบางประเภทของอาหารซ้ำอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ โดยเฉพาะอาหารบางชนิดที่คนส่วนใหญ่ทานทุกวัน ในบทความนี้เราจะมาดู 3 ของกินที่ไม่ควรอุ่นซ้ำในไมโครเวฟ ซึ่งนักโภชนาการได้เตือนว่ามีผลเสียต่อร่างกายมากกว่าที่คิด
1. ผักโขม อุ่นซ้ำเสี่ยงสารพิษ
ผักโขมเป็นผักที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของธาตุเหล็กและวิตามินที่สำคัญต่อร่างกาย เช่น วิตามิน K, A และ C ซึ่งช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและบำรุงสุขภาพโดยรวม แต่การอุ่นผักโขมซ้ำในไมโครเวฟอาจทำให้เกิดสารพิษที่เป็นอันตรายต่อร่างกายได้ ซึ่งสารที่เกิดขึ้นนั้นคือ ไนไตรต์ (Nitrates) ที่มักพบในผักประเภทนี้
ไนไตรต์และผลกระทบต่อสุขภาพ
ไนไตรต์เป็นสารที่เกิดขึ้นเมื่อผักโขมถูกเก็บรักษาในอุณหภูมิสูงหรือถูกอุ่นซ้ำ โดยสารนี้สามารถเปลี่ยนแปลงเป็น ไนโตรซามีน (Nitrosamines) ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งได้เมื่อได้รับความร้อนสูงเกินไป ไนไตรต์ยังสามารถลดออกซิเจนในเลือด ทำให้เกิดอาการคล้ายการขาดออกซิเจนในร่างกาย เช่น เวียนศีรษะ อ่อนเพลีย และหายใจลำบาก โดยเฉพาะในเด็กเล็กที่อาจมีความเสี่ยงสูง
การป้องกัน
- หากต้องการเก็บผักโขมที่เหลือจากมื้ออาหาร ควรเก็บในตู้เย็นทันทีและไม่ควรทิ้งไว้ที่อุณหภูมิห้องนานเกินไป
- การอุ่นผักโขมควรทำให้ถึงอุณหภูมิที่สูงอย่างรวดเร็วและไม่อุ่นซ้ำหลายครั้งเพื่อหลีกเลี่ยงการสะสมของไนไตรต์
- หากสามารถเลือกได้ ควรทานผักโขมสดหรือปรุงใหม่ทุกครั้งเพื่อรักษาคุณค่าทางโภชนาการให้ครบถ้วนที่สุด
การหลีกเลี่ยงการอุ่นซ้ำผักโขมจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันไม่ให้สารพิษเกิดขึ้น และคงคุณค่าทางโภชนาการที่สำคัญในอาหารของเราไว้
2. ชา ปรับคุณสมบัติของสารต้านอนุมูลอิสระ
ชาเป็นเครื่องดื่มที่มีคุณประโยชน์มากมาย โดยเฉพาะในเรื่องของ สารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งช่วยป้องกันความเสื่อมของเซลล์ในร่างกายและลดความเสี่ยงในการเกิดโรคต่าง ๆ เช่น โรคมะเร็งและโรคหัวใจ สารสำคัญในชา เช่น คาเทชิน (Catechins) และ ฟลาโวนอยด์ (Flavonoids) เป็นสารที่ช่วยปกป้องร่างกายจากการทำลายของอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติในร่างกาย
การอุ่นชาและผลกระทบต่อสารต้านอนุมูลอิสระ
เมื่อชาอุ่นซ้ำในไมโครเวฟหรือแม้แต่การอุ่นซ้ำในอุณหภูมิที่สูงเกินไป จะทำให้สารต้านอนุมูลอิสระในชา เช่น คาเทชินและฟลาโวนอยด์ สูญเสียประสิทธิภาพในการต้านอนุมูลอิสระ สารเหล่านี้อาจถูกทำลายด้วยความร้อนที่มากเกินไป ทำให้ชาไม่สามารถทำหน้าที่ในการช่วยป้องกันโรคต่าง ๆ ได้อย่างเต็มที่
ผลกระทบของการสูญเสียสารต้านอนุมูลอิสระ
- การลดประสิทธิภาพในการป้องกันโรค: การสูญเสียสารต้านอนุมูลอิสระทำให้ชาไม่สามารถช่วยป้องกันการเกิดโรคได้อย่างที่ควร เช่น การลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและมะเร็ง
- การลดคุณค่าทางโภชนาการ: เมื่อสารต้านอนุมูลอิสระถูกทำลายไป อาจทำให้ประโยชน์ด้านโภชนาการจากการดื่มชาลดลง ซึ่งจะทำให้ร่างกายได้รับคุณประโยชน์น้อยลงจากการบริโภคชา
วิธีการรักษาคุณสมบัติของสารต้านอนุมูลอิสระในชา
- หลีกเลี่ยงการอุ่นซ้ำชา: ควรหลีกเลี่ยงการอุ่นชาในไมโครเวฟหรือในอุณหภูมิที่สูงเกินไป เพราะจะทำให้สารสำคัญในชาเสื่อมสภาพได้ง่าย
- ดื่มชาใหม่ทุกครั้ง: หากต้องการได้ประโยชน์สูงสุดจากชา ควรดื่มชาใหม่ทุกครั้งหลังการชงเพื่อรักษาคุณค่าทางโภชนาการ
- เก็บชาในที่เย็น: หากต้องการเก็บชาไว้ควรเก็บในตู้เย็นและไม่ทิ้งไว้ในอุณหภูมิห้องนานเกินไป
โดยสรุป การอุ่นชาในไมโครเวฟหรือการอุ่นซ้ำหลายครั้งจะทำให้คุณสมบัติของสารต้านอนุมูลอิสระในชาลดลง ซึ่งอาจทำให้คุณเสียประโยชน์จากการดื่มชาในการป้องกันโรคต่าง ๆ ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงการอุ่นชาและดื่มชาใหม่ทุกครั้งเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดจากสารต้านอนุมูลอิสระที่มีอยู่ในชา
3. ข้าว เสี่ยงต่อการเกิดแบคทีเรีย
ข้าวเป็นอาหารหลักที่คนไทยทานทุกวัน โดยมักจะทำการเก็บข้าวที่เหลือจากมื้ออาหารและนำมาทานซ้ำในวันถัดไป แต่การเก็บข้าวในอุณหภูมิห้องหรือการอุ่นข้าวซ้ำในไมโครเวฟอาจทำให้เกิดการสะสมของ แบคทีเรีย ซึ่งเป็นปัญหาสุขภาพที่ควรระวัง โดยเฉพาะเชื้อ Bacillus cereus ที่พบได้บ่อยในข้าว
การเกิดแบคทีเรียในข้าว
เมื่อข้าวเย็นลงและไม่ได้รับการเก็บรักษาอย่างเหมาะสม แบคทีเรีย Bacillus cereus ที่เป็นเชื้อโรคที่สามารถอยู่ในข้าวดิบและข้าวสุกได้จะเริ่มเจริญเติบโตและขยายพันธุ์ หากข้าวไม่ได้ถูกเก็บไว้ที่อุณหภูมิที่เย็นพอ (เช่น ในตู้เย็น) หรือถูกทิ้งไว้ที่อุณหภูมิห้องนานเกินไป เชื้อแบคทีเรียจะเริ่มเติบโตและผลิต สารพิษ ที่อาจทำให้เกิดอาการอาหารเป็นพิษได้
อาการที่เกิดจากการบริโภคข้าวที่มีแบคทีเรีย
- อาหารเป็นพิษ: เชื้อ Bacillus cereus สามารถผลิตสารพิษที่ทำให้เกิดอาการท้องเสีย หรืออาเจียนได้ภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังจากการทานข้าวที่ปนเปื้อน
- อาการท้องเสียและปวดท้อง: บางครั้งการติดเชื้อแบคทีเรียอาจทำให้เกิดอาการท้องเสียและปวดท้องอย่างรุนแรง
วิธีการป้องกันการเติบโตของแบคทีเรียในข้าว
- เก็บข้าวในตู้เย็นทันที: ข้าวที่เหลือจากมื้ออาหารควรเก็บไว้ในตู้เย็นทันทีหลังจากทานเสร็จ เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อแบคทีเรียเติบโต
- ไม่ทิ้งข้าวไว้ที่อุณหภูมิห้อง: ข้าวที่ทิ้งไว้ในอุณหภูมิห้องเกิน 2 ชั่วโมงมีโอกาสสูงที่เชื้อแบคทีเรียจะเจริญเติบโต
- อุ่นข้าวอย่างถูกต้อง: หากต้องการอุ่นข้าวซ้ำ ควรทำให้ข้าวร้อนทั่วถึงถึงอุณหภูมิที่ไม่น้อยกว่า 75 องศาเซลเซียส เพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่อาจมีอยู่
- ไม่อุ่นข้าวซ้ำหลายครั้ง: ควรหลีกเลี่ยงการอุ่นข้าวซ้ำหลายครั้ง เพราะการอุ่นซ้ำจะทำให้เชื้อแบคทีเรียมีโอกาสเติบโตใหม่
สรุป การอุ่นซ้ำในไมโครเวฟไม่ควรทำ
แม้ว่าการอุ่นอาหารในไมโครเวฟจะสะดวก แต่การอุ่นบางประเภทซ้ำอาจทำให้สูญเสียคุณค่าทางโภชนาการและเพิ่มสารพิษหรือแบคทีเรียที่อันตรายต่อร่างกาย ดังนั้น ควรหลีกเลี่ยงการอุ่นอาหารบางประเภทซ้ำและควรใส่ใจในวิธีการเก็บและอุ่นอาหารอย่างปลอดภัยเพื่อสุขภาพที่ดีในระยะยาว