ดื่มแอลกอฮอล์ได้แค่ไหนเมื่อขับรถ จะไม่โดนจับ?

ดื่มแอลกอฮอล์ได้แค่ไหนเมื่อขับรถ จะไม่โดนจับ? ปริมาณแอลกอฮอล์ที่ยอมรับตามกฎหมาย การดื่มแอลกอฮอล์เมื่อต้องขับรถเป็นเรื่องที่ต้องมีความระมัดระวังอย่างยิ่ง เนื่องจากมีกฎหมายที่กำหนดปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดที่ยอมรับได้เมื่อขับรถ หากเกินปริมาณที่กำหนด นั่นจะถือว่าคุณเมาแล้วและอาจถูกลงโทษตามกฎหมาย ในบทความนี้เราจะมาพูดถึงปริมาณแอลกอฮอล์ที่ยอมรับตามกฎหมาย เพื่อให้คุณเข้าใจว่าเมื่อไหร่และในปริมาณใดคุณสามารถดื่มแอลกอฮอล์แล้วขับรถได้อย่างปลอดภัย นอกจากนี้เรายังจะแนะนำเคล็ดลับในการควบคุมปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายเพื่อรักษาความปลอดภัยในการขับรถของคุณ ปริมาณแอลกอฮอล์ที่ยอมรับตามกฎหมาย ตามกฎหมายที่กำหนดไว้ในประเทศไทย ปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดที่ยอมรับต่อคนขับรถไม่ควรเกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ (mg/dL) หากเกินปริมาณดังกล่าว จะถือว่าคนขับรถเมาแล้วและจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยมีโทษความจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับเงินตั้งแต่ 5,000 – 20,000 บาท หรือทั้งจำคุกและปรับเงิน รวมถึงการถูกพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ไม่น้อยกว่า 6 เดือน หรือถูกเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่ทันที คำนวณปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือด หลายคนอาจสงสัยว่า แอลกอฮอล์ในเลือดไม่เกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ จะสามารถดื่มแอลกอฮอล์ได้ในปริมาณเท่าไหร่ ดังนั้นเรามาดูกันว่าปริมาณแอลกอฮอล์ที่ยอมรับนั้น สามารถดื่มได้ในปริมาณเท่าไหร่และในรูปแบบเครื่องดื่มใดบ้าง 1. สุรา สุราที่ไม่ผสม หรือผสมในปริมาณ 1 ฝาต่อแก้ว สามารถดื่มไม่เกิน 6 แก้วต่อครั้ง โดยปริมาณแอลกอฮอล์ในแต่ละแก้วไม่ควรเกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ 2. เบียร์ ปริมาณเบียร์ประมาณ 2…

Read More

ขับรถชนแต่ไม่มีใบขับขี่ ประกันจ่าย?

ขับรถชนแต่ไม่มีใบขับขี่ ประกันจ่าย? การขับรถยนต์เป็นสิ่งที่ต้องการความระมัดระวังและความรับผิดชอบ เมื่อเกิดอุบัติเหตุที่เกี่ยวข้องกับการขับขี่และหากเจ้าของรถยนต์ไม่มีใบขับขี่หรือไม่เคยทำใบขับขี่มาก่อน จะส่งผลอย่างไรต่อการเคลมประกันรถยนต์? ในบทความนี้เราจะพาคุณไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับกระบวนการเคลมประกันรถยนต์ในกรณีเหล่านี้ เนื้อหาบทความ การเคลมประกันรถยนต์: ขั้นตอนพื้นฐาน เหตุผลในการไม่มีใบขับขี่ เคลมประกันรถยนต์ในกรณีไม่มีใบขับขี่ 3.1 ฝ่ายผิด 3.2 ฝ่ายถูก ประกันรถยนต์ประเภท 1, 2+, และ 3+ กรณีที่ 1: ไม่เคยมีใบขับขี่และเป็นฝ่ายถูก กรณีที่ 2: ไม่เคยมีใบขับขี่และเป็นฝ่ายผิด การมีใบขับขี่และความคุ้มครองในการเคลม แอปพลิเคชัน DLT QR License คำแนะนำในการขับรถยนต์อย่างถูกต้องและมีความรับผิดชอบ การเคลมประกันรถยนต์ ขั้นตอนพื้นฐาน เมื่อเกิดอุบัติเหตุที่เกี่ยวข้องกับการขับขี่รถยนต์ เจ้าของรถยนต์จะต้องเริ่มกระบวนการเคลมประกันรถยนต์ เพื่อให้บริษัทประกันช่วยเสมือนเพื่อนที่ขวางกระแสความเสียหาย ขั้นตอนนี้เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งไม่ว่าจะมีใบขับขี่หรือไม่ เหตุผลในการไม่มีใบขับขี่ บางครั้งเจ้าของรถยนต์อาจไม่มีใบขับขี่หรือไม่เคยทำใบขับขี่มาก่อน เหตุผลที่เกิดขึ้นอาจมีหลายประการ เช่น มาใหม่ในการขับขี่ ไม่มีความจำเป็นในการขับขี่ในชีวิตประจำวัน หรือความไม่คุ้นเคยกับกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการขับรถยนต์ เคลมประกันรถยนต์ในกรณีไม่มีใบขับขี่ กรณีที่ 1 ไม่เคยมีใบขับขี่ และเป็นฝ่ายถูก หากคุณเป็นผู้ขับขี่ที่ไม่มีใบขับขี่และเกิดอุบัติเหตุที่ทำให้คุณเป็นฝ่ายถูก เช่น รถยนต์ของคุณถูกชนโดยรถยนต์อื่นที่มีผู้ขับขี่มีใบขับขี่ และคุณไม่มีความผิดเกี่ยวกับอุบัติเหตุนั้น บริษัทประกันภัยจะรับผิดชอบในการคุ้มครองค่าซ่อมแซมรถยนต์ของคุณ…

Read More

Volvo EX30 ใหม่ ส่วนลดราคาที่ยุโรปและการเปิดตัวในไทย

Volvo EX30 ใหม่ ส่วนลดราคาที่ยุโรปและการเปิดตัวในไทย วันนี้เราจะมาพูดถึง Volvo EX30 รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่จากค่ายรถยนต์ชั้นนำวอลโว่ ที่ได้เปิดเผยราคาที่โปร่งใสและมีความพิเศษเรื่องขุมพลังและความประหยัดพลังงาน หากคุณเป็นคนหนึ่งที่สนใจในรถยนต์ไฟฟ้าและต้องการราคาที่เข้าถึงได้ง่าย คอนเซปต์ของรถยนต์นี้อาจจะตอบโจทย์ของคุณได้! การเปิดตัวและราคาที่ยุโรป เมื่อคุณคิดถึงรถยนต์ไฟฟ้า อาจจะคิดว่ามันมีราคาแพงและเข้าถึงยาก แต่กับ Volvo EX30 นั้นไม่เช่นนั้นเลย ตั้งแต่วันที่ 9 กันยายน คุณจะได้พบกับรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่นี้ในประเทศไทย โดยเริ่มต้นที่ราคาเพียง 1.4 ล้านบาทเท่านั้น! ตัวเลือกขุมพลัง เป็นที่น่าตื่นเต้นที่ Volvo EX30 นั้นมาพร้อมกับตัวเลือกขุมพลังที่หลากหลาย คุณสามารถเลือกระหว่าง 3 รูปแบบของการขับขี่ได้: – รุ่น Single Motor Standard Range รุ่นนี้มาพร้อมกับแบตเตอรี่ Lithium Iron Phosphate ความจุ 51 kWh ที่สามารถขับขี่ได้ไกลสูงสุดถึง 344 กิโลเมตรต่อการชาร์จเดียว ทำให้คุณสามารถเดินทางได้อย่างไกลโพ้นและมั่นใจในการเดินทางแบบทุนเยอะๆ และแสนจะประหยัดพลังงาน! – รุ่น Single Motor…

Read More

เปิดรายชื่อ 9 ประเทศใช้ใบขับขี่ไทยได้เลย ไม่ต้องทำใบขับขี่สากล

เปิดรายชื่อ 9 ประเทศใช้ใบขับขี่ไทยได้เลย ไม่ต้องทำใบขับขี่สากล ถ้าคุณเคยมีความต้องการที่จะขับรถต่างประเทศและกังวลกับการทำใบขับขี่สากลที่อาจเป็นเรื่องซับซ้อนและเวลา-consuming ก็ไม่ต้องกังวลอีกต่อไป! มีประเทศที่คุณสามารถใช้ใบขับขี่ไทยของคุณได้โดยไม่จำเป็นต้องทำใบขับขี่สากล ลดความซับซ้อนและเพิ่มความสะดวกสบายในการเดินทางของคุณไปยังประเทศต่างๆ ดังนั้นเพียงแค่เตรียมตัวและเริ่มการผจญภัยของคุณได้เลย! 1. ลาว เมื่อคุณมีใบขับขี่ไทยคุณสามารถนำมันไปใช้ในประเทศลาวได้โดยไม่มีปัญหาใดๆ เพียงแค่แสดงใบขับขี่และเอกสารที่เกี่ยวข้องตามข้อกำหนดของประเทศนั้นๆ 2. เวียดนาม การเดินทางถึงเวียดนามก็ไม่ใช่ปัญหาหากคุณมีใบขับขี่ไทย คุณจะสามารถใช้ใบขับขี่นั้นในเวียดนามได้อย่างสบายดาย แต่อย่าลืมตรวจสอบกฎระเบียบที่อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ 3. กัมพูชา กัมพูชาก็เป็นหนึ่งในประเทศที่คุณสามารถนำใบขับขี่ไทยไปใช้ได้โดยไม่ต้องมีใบขับขี่สากล การเตรียมเอกสารที่จำเป็นเช่นเอกสารประจำตัวและใบขับขี่เป็นสิ่งสำคัญ 4. เมียนมาร์ เมียนมาร์ยังคงเป็นที่น่าสนใจสำหรับนักท่องเที่ยว และคุณสามารถนำรถยนต์ที่คุณขับตามใบขับขี่ไทยไปใช้ในเมียนมาร์ได้ 5. มาเลเซีย สำหรับการเดินทางไปยังมาเลเซีย คุณไม่จำเป็นต้องมีใบขับขี่สากล ใบขับขี่ไทยก็เพียงพอสำหรับการขับรถในประเทศนี้ 6. อินโดนีเซีย อินโดนีเซียเป็นประเทศที่มีหลากหลายสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าตื่นตาตื่นใจ และด้วยใบขับขี่ไทยคุณสามารถสำรวจทุกมุมของประเทศนี้ได้ 7. บรูไน บรูไนเป็นประเทศเล็กๆ ที่อยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คุณสามารถนำรถยนต์เข้าไปในบรูไนตามใบขับขี่ไทยได้ 8. ฟิลิปปินส์ เมื่อคุณเดินทางไปยังฟิลิปปินส์ ไม่ต้องกังวลเรื่องใบขับขี่สากลอีกต่อไป เพราะใบขับขี่ไทยจะเป็นเพียงพอสำหรับการขับรถในประเทศนี้ 9. สิงคโปร์ สิงคโปร์เป็นเมืองรุ่นใหม่ที่น่าสนใจและมีระบบขนส่งที่ดีเยี่ยม คุณสามารถนำรถยนต์เข้าสิงคโปร์ตามใบขับขี่ไทยได้ เมื่อคุณมีความต้องการที่จะขับรถยนต์ของคุณไปยังประเทศต่างๆ ไม่ต้องห่วงเรื่องใบขับขี่สากลอีกต่อไป เพียงแค่คุณมีใบขับขี่ไทยคุณก็สามารถเริ่มต้นการผจญภัยของคุณได้ทันที! FAQs (คำถามที่พบบ่อย) 1….

Read More

ข้อดีของรถ “เบาะผ้า” ไม่ต้องเปลี่ยนเป็นเบาะหนังให้วุ่นวาย

5 ข้อดีของรถ “เบาะผ้า” ไม่ต้องเปลี่ยนเป็นเบาะหนังให้วุ่นวาย 1. ไม่ร้อนเหมือนเบาะหนัง เบาะผ้ามีข้อดีที่ชัดเจนคือ ไม่มีอุณหภูมิร้อนเหมือนเบาะหนัง คุณสามารถนั่งโดยสบายตัวได้ทั้งในช่วงเวลาที่รถจอดอยู่ในแดดร้อนนานๆ นอกจากนี้ยังช่วยในการระบายอากาศได้ดีกว่าเบาะหนังอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ในฤดูหนาวหรือในพื้นที่ที่มีอากาศเย็นจัด ตัวเบาะผ้าก็จะไม่เย็นจนเกินไป ดังนั้น สภาพอากาศไม่มีผลต่ออุณหภูมิของเบาะผ้าเท่ากับเบาะหนัง 2. ทนทานกว่าการนำไปหุ้มหนังเอง เมื่อเปรียบเทียบระหว่างการนำเบาะผ้ามาใช้กับการเปลี่ยนเบาะหนังที่ร้านจำหน่ายทั่วไป จะพบว่าเบาะผ้ามีความทนทานมากกว่า อายุการใช้งานยาวนานกว่า ซึ่งส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับการตัดเย็บและวัสดุที่ใช้ หลังจากใช้งานสักระยะหนึ่ง จะเห็นว่าเบาะหุ้มเริ่มแตกลายเผยให้เห็นฟองน้ำภายใน และส่วนที่เป็นหนังสังเคราะห์อาจเริ่มหลุดล่อนออกมา ซึ่งปัญหานี้เกิดขึ้นช้ากว่าถ้าเป็นเบาะนั่งที่มาจากโรงงานโดยตรงไม่ว่าจะเป็นเบาะผ้าหรือเบาะหนัง 3. ดูแลรักษาง่ายกว่าหนังแท้ เบาะหนังแท้มักมีปัญหาเรื่องรอยย่น และแตกลายงาทำให้ภายในรถดูเก่าและไม่สวยงามเท่าความเป็นจริง การดูแลรักษาเบาะหนังแท้จำเป็นต้องใช้น้ำยาทำความสะอาดและโลชั่นสูตรเฉพาะเพื่อบำรุงหนังให้มีสภาพดีได้ยาวนาน ในขณะที่เบาะผ้าไม่มีปัญหาดังกล่าว เพียงแค่ทำความสะอาดเบาะผ้าทั่วไปก็เพียงพอ ทำให้เบาะผ้ามีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่า 4. ยึดรั้งร่างกายได้ดีในขณะเข้าโค้ง เบาะผ้ามีคุณสมบัติที่ช่วยในการยึดรั้งร่างกายในขณะเข้าโค้งได้ดี ช่วยให้ไม่ลื่นไหลง่าย หลายรุ่นของรถสปอร์ตที่มีราคาแพงจึงใช้เบาะผ้าในการหุ้มเพื่อช่วยให้ร่างกายขยับเขยื้อนได้น้อยขึ้นเมื่อเข้าโค้งเช่นเดียวกับเบาะผ้านั่นเอง 5. ราคาถูกกว่า รถยนต์ที่ใช้เบาะผ้ามักจะมีราคาถูกกว่ารถที่ติดตั้งเบาะหนัง ดังนั้นคุณไม่จำเป็นต้องเลือกรุ่นที่มีราคาสูงขึ้นเพื่อที่จะได้รับเบาะหนังแทน (แต่ถ้าคุณพิจารณาออปชันอื่นๆ ก็ยังควรพิจารณาด้วย) ดังนั้น ก่อนที่คุณจะตัดสินใจเปลี่ยนเบาะผ้าเป็นเบาะหนัง ควรพิจารณาอย่างรอบคอบและพิจารณาข้อดีและข้อเสียทั้งหมดของทั้งสองตัวเพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง

Read More

เอกสารต่อใบขับขี่ 2566 ใช้อะไรบ้าง และมีค่าใช้จ่ายเท่าไร

การต่อใบขับขี่ชนิด 5 ปี เป็น 5 ปี ในการต่ออายุใบขับขี่ชนิด 5 ปี เอกสารที่จำเป็นต้องใช้คือใบขับขี่เดิมหรือใบแทนและบัตรประชาชนฉบับจริง ค่าใช้จ่ายสำหรับการต่อใบขับขี่ชนิดนี้จะเป็น 505 บาทสำหรับรถยนต์และ 255 บาทสำหรับรถจักรยานยนต์ การทดสอบสมรรถภาพร่างกาย เพื่อต่อใบขับขี่ชนิด 5 ปี จำเป็นต้องทดสอบสมรรถภาพร่างกาย มีขั้นตอนการทดสอบต่าง ๆ ดังนี้ 1. ทดสอบการมองเห็นสี การทดสอบการมองเห็นสีเพื่อตรวจสอบว่าผู้ขับขี่มีความสามารถในการรับรู้สีต่าง ๆ ที่จำเป็นในการขับรถ 2. ทดสอบสายตาทางลึก ทดสอบสายตาทางลึกเพื่อตรวจสอบความสามารถในการมองเห็นวัตถุที่อยู่ห่าง 3. ทดสอบสายตาทางกว้าง ทดสอบสายตาทางกว้างเพื่อตรวจสอบความสามารถในการมองเห็นวัตถุที่อยู่ใกล้ 4. ทดสอบปฏิกิริยาเท้าในการเหยียบเบรกหลังเห็นไฟสัญญาณ ทดสอบปฏิกิริยาเท้าเพื่อตรวจสอบความสามารถในการเหยียบเบรกหลังเห็นไฟสัญญาณ ขั้นตอนการทำใบขับขี่ใหม่ 2566 (รถจักรยานยนต์ / รถยนต์) เพื่อทำใบขับขี่ใหม่ในปี 2566 สำหรับรถจักรยานยนต์หรือรถยนต์ จะต้องทำตามขั้นตอนดังต่อไปนี้ เอกสารที่ต้องใช้ทำใบขับขี่ใหม่ (รถจักรยานยนต์ / รถยนต์) จองคิวผ่านแอปพลิเคชั่น DLT Smart Queue สามารถจองคิวเพื่อทำใบขับขี่ใหม่ผ่านแอปพลิเคชั่น…

Read More