คีโตเจนิค กินไขมันลดอ้วน แต่กินไม่ถูกวิธีอาจยิ่งอ้วน
คีโตเจนิค กินไขมันลดอ้วน แต่กินไม่ถูกวิธีอาจยิ่งอ้วน
คีโตเจนิค อาหารลดน้ำหนักที่เป็นกระแสใหม่
ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานี้เกิดเทรนด์สุขภาพใหม่ๆ ที่ทำให้คนสนใจอย่างมากคือคีโตเจนิค ซึ่งมีการกินไขมันเพื่อลดน้ำหนัก และอยู่ในกระแสที่ต่างไปจากคลีนแบบเดิม แถมยังเหมาะสำหรับคนที่ชอบอาหารมันเพราะมีไขมันอยู่ แต่สามารถลดความอ้วนได้ ดังนั้นคีโตเจนิคกลายเป็นเครื่องมือที่ทำให้คุณลดน้ำหนักอย่างมีประสิทธิภาพ
คีโตเจนิคคืออะไร?
คีโตเจนิคคืออาหารที่มีไขมันสูง มีโปรตีนที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย และมีคาร์โบไฮเดรตต่ำ โดยศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิง พวงทอง ไกรพิบูลย์ จากคณะแพทยศาสตร์วิทยาลัยรังสีรักษา อธิบายว่า การรับประทานอาหารคีโตเจนิคทำให้ร่างกายดึงพลังงานจากไขมันแทนที่จะดึงพลังงานจากคาร์โบไฮเดรตเหมือนปกติ
กลุ่มอาหารคีโตเจนิค
กลุ่มอาหารแบบคีโตเจนิคถูกคิดค้นโดย นพ. Russell M. Wilder แพทย์อายุร กรรมชาวอเมริกาในปี ค.ศ. 1924 (พ.ศ. 2497) เพื่อช่วยบรรเทาอาการของผู้ป่วยโรคลมชัก ซึ่งส่วนประกอบของอาหารคีโตเจนิคทำให้ร่างกายสร้างสาร Ketone body ในเลือดสูง ซึ่งเป็นสารที่ผลิตในตับและมีผลต่อการใช้พลังงานของสมอง นอกจากนี้ยังช่วยให้เซลล์สมองและสารสื่อประสาทในสมองทำงานได้สมดุล และช่วยลดอาการชักได้
วิธีลดความอ้วนด้วยคีโตเจนิค
การกินอาหารคีโตเจนิคไม่เพียงแค่ช่วยบรรเทาอาการของโรคลมชัก ยังมีการใช้เป็นวิธีลดน้ำหนักอีกด้วย ตามที่คลินิกโรคอ้วนโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ได้ระบุ การรับประทานอาหารคีโตเจนิคช่วยลดน้ำหนักได้ โดยในระยะแรกๆ การกินอาหารคีโตเจนิคสามารถลดน้ำหนักได้เร็วกว่าวิธีการอื่น เนื่องจากร่างกายได้รับพลังงานจากคาร์โบไฮเดรตน้อย ที่เคยเป็นแหล่งพลังงานหลักของร่างกาย
อย่างไรก็ตาม ในระยะยาวหลังจาก 1 ปีขึ้นไป จะพบว่าประสิทธิภาพในการลดน้ำหนักไม่แตกต่างกันมากนัก และมีโอกาสที่น้ำหนักตัวจะเพิ่มขึ้นอีกครั้งหลังจากนั้น ซึ่งเรียกว่า Yo-Yo Effect (โยโย่เอฟเฟค) ซึ่งความผิดปกติในการกินอาหารและการออกกำลังกายเป็นสาเหตุหลักของปัญหานี้ หากต้องการรักษาน้ำหนักตัวให้คงที่ ควรรักษาพฤติกรรมการกินและการออกกำลังกายอย่างสมดุลเป็นสำคัญ คีโตเจนิคเป็นเพียงวิธีช่วยเสริมที่สามารถใช้ในการลดน้ำหนักได้ แต่ไม่ใช่วิธีที่คงที่และเหมาะสมตลอดเวลา
คำแนะนำในการกินอาหารคีโตเจนิค
เมื่อตัดคาร์โบไฮเดรตออกจากอาหาร เราควรรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง โดยเฉพาะไขมันที่มีประโยชน์ เช่น ไขมันที่มีความเป็นไขมันไม่อิ่มตัว เช่น ไขมันที่มีในปลาสีซาบะ ปลาแซลมอน เมนูต่างๆ ที่ใช้น้ำมันมะพร้าว น้ำมันมะกอก น้ำมันซอยหรือน้ำมันมะเขือเทศ เป็นต้น นอกจากนี้ยังควรรับประทานเนื้อสัตว์ เช่น เนื้อหมู ไก่ เนื้อวัว ไข่ เนย นม ผลิตภัณฑ์จากนม เช่น เนยผง หรือเนยแข็ง อาหารที่มีแป้งน้อย เช่น ผัก ผลไม้ เป็นต้น และควรหลีกเลี่ยงการรับประทานข้าว แป้ง ธัญพืช เผือกมัน ผลไม้ที่มีน้ำตาลสูง น้ำปั่น และเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล
ผลข้างเคียงของคีโตเจนิค
การกินอาหารคีโตเจนิคอาจมีผลข้างเคียงบางอย่างที่ควรระวัง รวมถึง:
- อาจเกิดอาการไม่สบายทางเดินหายใจ เมื่อร่างกายสร้างสาร ketone body อย่างเต็มที่ อาจทำให้กลิ่นปากไม่ดี และอาจเกิดความผิดปกติทางจิตใจเช่น ความตื่นเต้น หรือสับสน
- การกินอาหารคีโตเจนิคอาจทำให้เกิดภาวะขาดสารอาหารบางอย่าง เช่น ธาตุเหล็ก และเกิดความเสี่ยงในการพลิกเปลี่ยนสารประสาทในร่างกาย
- คีโตเจนิคอาจเพิ่มความเสี่ยงในการพัฒนาโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดในระยะยาว
สรุป
คีโตเจนิคเป็นแนวทางในการลดน้ำหนักและบำรุงสุขภาพที่ได้รับความนิยมในช่วงหลายปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม การกินอาหารคีโตเจนิคไม่ใช่วิธีลดน้ำหนักที่เหมาะสมสำหรับทุกคน และอาจมีผลข้างเคียงที่ต้องระวัง การลดน้ำหนักที่สมดุลและการรักษาพฤติกรรมการกินและการออกกำลังกายที่ถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการรักษาน้ำหนักตัวให้คงที่และสุขภาพดีตลอดชีวิต