Healthy

ระวังก่อนกิน! อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงเป็นมื้อเย็นเพื่อสุขภาพดี

อาหารที่ไม่ควรทานเป็นมื้อเย็น เพื่อสุขภาพที่ดี มื้อเย็นเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายต้องการอาหารที่ย่อยง่ายและให้พลังงานที่เหมาะสม เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการพักผ่อนและฟื้นฟูร่างกายในช่วงกลางคืน แต่หลายคนมักเผลอเลือกรับประทานอาหารที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพโดยไม่รู้ตัว ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาการย่อยอาหาร นอนหลับไม่สนิท หรือแม้แต่เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรังบางชนิด ดังนั้น การเลือกอาหารที่เหมาะสมในมื้อเย็นจึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อสุขภาพที่ดีในระยะยาว ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับอาหารที่ควรหลีกเลี่ยงในช่วงเย็น และเหตุผลที่ไม่ควรรับประทาน เพื่อช่วยให้คุณปรับพฤติกรรมการกินให้ดีขึ้นและนอนหลับได้อย่างสบายขึ้น 1. อาหารทอด อาหารทอดเป็นเมนูที่หลายคนโปรดปราน ไม่ว่าจะเป็นไก่ทอด เฟรนช์ฟรายส์ นักเก็ต หรือหมูทอด ด้วยรสชาติอร่อยและเนื้อสัมผัสที่กรอบนอกนุ่มใน แต่การรับประทานอาหารทอดในมื้อเย็นอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพในหลายด้าน เหตุผลที่ไม่ควรทานอาหารทอดเป็นมื้อเย็น ✅ ย่อยยากและทำให้กระเพาะอาหารทำงานหนัก อาหารทอดมีไขมันสูง โดยเฉพาะไขมันอิ่มตัวและไขมันทรานส์ ซึ่งใช้เวลาย่อยนานกว่าปกติ ทำให้กระเพาะอาหารต้องทำงานหนัก ส่งผลให้รู้สึกอึดอัด แน่นท้อง และอาจทำให้คุณหลับไม่สบาย ✅ เสี่ยงต่ออาการกรดไหลย้อน ไขมันจากอาหารทอดสามารถทำให้หูรูดของหลอดอาหารคลายตัว ส่งผลให้กรดในกระเพาะไหลย้อนขึ้นมา ทำให้เกิดอาการแสบร้อนกลางอก โดยเฉพาะเมื่อรับประทานแล้วเข้านอนทันที ✅…

Healthy

รู้ก่อนบริโภค! น้ำมันมะกอกดีจริง แต่มีผลข้างเคียงอะไรบ้าง?

น้ำมันมะกอกกับผลข้างเคียงที่ควรใส่ใจ แม้ว่าจะเป็นน้ำมันที่บอกกันว่าดี 1. บทนำ น้ำมันมะกอกได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในน้ำมันที่ดีต่อสุขภาพมากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอาหารเมดิเตอร์เรเนียน ด้วยคุณสมบัติที่อุดมไปด้วยกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว สารต้านอนุมูลอิสระ และสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อหัวใจและร่างกาย แต่ถึงแม้ว่าน้ำมันมะกอกจะมีข้อดีมากมาย การบริโภคในปริมาณมากหรือใช้ผิดวิธีก็อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ได้ มาทำความเข้าใจกันว่ามีข้อควรระวังอะไรบ้าง 2. ผลข้างเคียงที่ควรใส่ใจจากการบริโภคน้ำมันมะกอก แม้น้ำมันมะกอกจะได้รับการยกย่องว่าเป็นไขมันที่ดีต่อสุขภาพ แต่การบริโภคในปริมาณมากหรือใช้ผิดวิธีอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ได้ ด้านล่างนี้คือผลข้างเคียงที่ควรใส่ใจและอาจมีผลกระทบต่อสุขภาพของคุณ 2.1 ระบบย่อยอาหารอาจได้รับผลกระทบ น้ำมันมะกอกมีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้ ทำให้บางคนที่มีอาการท้องผูกได้รับประโยชน์ อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่ระบบย่อยอาหารไวต่อไขมัน การบริโภคในปริมาณมากอาจทำให้เกิด: อาการท้องเสีย: น้ำมันมะกอกมีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อน ๆ หากรับประทานมากเกินไป อาจกระตุ้นการขับถ่ายมากเกินไปจนทำให้เกิดภาวะขาดน้ำและแร่ธาตุที่จำเป็น อาการคลื่นไส้: บางคนอาจมีอาการคลื่นไส้หรือรู้สึกไม่สบายท้องเมื่อบริโภคน้ำมันมะกอกขณะท้องว่างหรือในปริมาณมาก กรดไหลย้อน: แม้ว่าบางคนจะเชื่อว่าน้ำมันมะกอกช่วยบรรเทากรดไหลย้อน แต่ในบางกรณี อาจกระตุ้นการหลั่งกรดในกระเพาะอาหารเพิ่มขึ้น ทำให้อาการแย่ลง 2.2 ส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือด น้ำมันมะกอกมีบทบาทช่วยลดภาวะดื้อต่ออินซูลิน ซึ่งเป็นประโยชน์สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน…

Healthy

คำแนะนำ กินสลัดผักมื้อเย็น “ไม่ดี” ต่อสุขภาพ

กินสลัดผักมื้อเย็น “ไม่ดี” ต่อสุขภาพ ทำร้ายระบบย่อย เสี่ยงโรค การกินสลัดผักเป็นอาหารที่หลายคนเลือกทานในมื้อเย็น เนื่องจากมักคิดว่าเป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ช่วยลดน้ำหนักและเสริมภูมิคุ้มกัน แต่ความจริงแล้ว การกินสลัดผักในมื้อเย็นอาจไม่ดีต่อร่างกายเท่าที่คิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการทำงานของระบบย่อยอาหารและสุขภาพโดยรวม มาดูกันว่าการกินสลัดผักในมื้อเย็นมีผลเสียต่อร่างกายอย่างไรบ้าง 1. ระบบย่อยอาหารทำงานช้าลงในช่วงเย็น ในช่วงเย็น ร่างกายเริ่มเข้าสู่โหมดพักผ่อนและการทำงานของระบบต่าง ๆ จะช้าลง รวมถึงระบบย่อยอาหารด้วย นี่คือเหตุผลบางประการที่ระบบย่อยอาหารทำงานช้าลงในช่วงเย็น: ร่างกายเข้าสู่โหมดพักผ่อน ในช่วงเย็นและค่ำ ร่างกายเริ่มเตรียมตัวสำหรับการนอนหลับ ซึ่งกระตุ้นให้ระบบต่าง ๆ ลดการทำงานลง รวมถึงการย่อยอาหารที่ช้าลงเมื่อเทียบกับช่วงกลางวัน ที่ร่างกายยังต้องการพลังงานเพื่อดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ การหลั่งกรดในกระเพาะอาหารลดลง ในช่วงเย็นการหลั่งกรดในกระเพาะอาหารจะลดลง ซึ่งเป็นสารสำคัญในการย่อยอาหาร โดยเฉพาะอาหารที่มีเส้นใยสูง เช่น สลัดผัก เมื่อกรดในกระเพาะอาหารน้อยลง อาจทำให้การย่อยอาหารยากขึ้น การไหลเวียนเลือดลดลง ในช่วงเย็น การไหลเวียนของเลือดมักจะลดลงเมื่อร่างกายเข้าสู่โหมดผ่อนคลาย…

Healthy Lifestyle

นักโภชนาการเตือน! 3 ของกินไม่ควรอุ่นซ้ำในไมโครเวฟ มี 1 สิ่งคนไทยกินทุกวัน

3 ของกินไม่ควรอุ่นซ้ำในไมโครเวฟ การอุ่นอาหารซ้ำในไมโครเวฟเป็นการทำให้ชีวิตประจำวันสะดวกขึ้น แต่การอุ่นบางประเภทของอาหารซ้ำอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ โดยเฉพาะอาหารบางชนิดที่คนส่วนใหญ่ทานทุกวัน ในบทความนี้เราจะมาดู 3 ของกินที่ไม่ควรอุ่นซ้ำในไมโครเวฟ ซึ่งนักโภชนาการได้เตือนว่ามีผลเสียต่อร่างกายมากกว่าที่คิด 1. ผักโขม อุ่นซ้ำเสี่ยงสารพิษ ผักโขมเป็นผักที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของธาตุเหล็กและวิตามินที่สำคัญต่อร่างกาย เช่น วิตามิน K, A และ C ซึ่งช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและบำรุงสุขภาพโดยรวม แต่การอุ่นผักโขมซ้ำในไมโครเวฟอาจทำให้เกิดสารพิษที่เป็นอันตรายต่อร่างกายได้ ซึ่งสารที่เกิดขึ้นนั้นคือ ไนไตรต์ (Nitrates) ที่มักพบในผักประเภทนี้ ไนไตรต์และผลกระทบต่อสุขภาพ ไนไตรต์เป็นสารที่เกิดขึ้นเมื่อผักโขมถูกเก็บรักษาในอุณหภูมิสูงหรือถูกอุ่นซ้ำ โดยสารนี้สามารถเปลี่ยนแปลงเป็น ไนโตรซามีน (Nitrosamines) ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งได้เมื่อได้รับความร้อนสูงเกินไป ไนไตรต์ยังสามารถลดออกซิเจนในเลือด ทำให้เกิดอาการคล้ายการขาดออกซิเจนในร่างกาย เช่น เวียนศีรษะ อ่อนเพลีย และหายใจลำบาก โดยเฉพาะในเด็กเล็กที่อาจมีความเสี่ยงสูง การป้องกัน…

Healthy Lifestyle

รู้ทันอาการขาดน้ำ สัญญาณเตือนภัยและวิธีป้องกันก่อนสุขภาพจะพัง

รู้ทันอาการขาดน้ำ เรื่องที่ควรรู้ก่อนสุขภาพจะพัง น้ำเป็นสิ่งที่ร่างกายของเราต้องการมากที่สุด แต่หลายครั้งเรากลับไม่ให้ความสำคัญกับการดื่มน้ำเพียงพอในแต่ละวัน การขาดน้ำไม่เพียงแต่ทำให้ร่างกายรู้สึกเหนื่อยล้าและไม่สดชื่น แต่ยังอาจส่งผลกระทบร้ายแรงต่อสุขภาพในระยะยาว หากเราไม่ใส่ใจต่อสัญญาณเตือนภัยจากร่างกาย 1. สัญญาณเตือนภัยจากร่างกาย บอกว่า “ฉันต้องการน้ำ” สัญญาณเตือนภัยจากร่างกายที่บอกว่า “ฉันต้องการน้ำ” เป็นสัญญาณที่ร่างกายส่งออกมาเมื่อเริ่มขาดน้ำหรือขาดการชดเชยของเหลว ซึ่งร่างกายต้องการน้ำเพื่อการทำงานที่ปกติและมีประสิทธิภาพ หากไม่ได้รับน้ำเพียงพอ ระบบต่างๆ ของร่างกายจะเริ่มส่งสัญญาณเตือนดังนี้: 1.ปากแห้งและคอแห้ง ปากและคอแห้งเป็นสัญญาณแรกที่พบได้บ่อยเมื่อร่างกายขาดน้ำ เนื่องจากการขาดน้ำทำให้ร่างกายผลิตน้ำลายไม่เพียงพอ ส่งผลให้ปากและคอรู้สึกแห้ง หากไม่ดื่มน้ำ ร่างกายจะไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ 2.ปัสสาวะสีเข้ม เมื่อร่างกายขาดน้ำ ปัสสาวะจะมีสีเข้มขึ้น ซึ่งเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าร่างกายพยายามเก็บน้ำไว้มากที่สุด ปัสสาวะสีเหลืองเข้ม หรือส้มมักเกิดจากการขาดน้ำและเป็นการบ่งบอกให้ดื่มน้ำเพิ่มขึ้น 3.รู้สึกอ่อนเพลียและเหนื่อยง่าย การขาดน้ำทำให้ปริมาณเลือดลดลง ส่งผลให้การไหลเวียนของเลือดไปยังกล้ามเนื้อและอวัยวะต่างๆ ลดลง ทำให้รู้สึกอ่อนเพลียหรือเหนื่อยง่าย แม้จะทำกิจกรรมที่ไม่หนักมาก 4.ปวดหัว เมื่อร่างกายขาดน้ำ ความดันเลือดอาจลดลงและการทำงานของสมองจะถูกกระทบ ซึ่งทำให้เกิดอาการปวดหัวบ่อยๆ…

Healthy

ทำความเข้าใจกับ 3 ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับงูสวัด

งูสวัดกับ 3 สิ่งยอดฮิต ที่คุณอาจเข้าใจผิดมาโดยตลอด การเข้าใจผิดเกี่ยวกับงูสวัด (Shingles) เป็นเรื่องที่พบได้บ่อยในสังคมไทย แม้ว่าจะเป็นโรคที่สามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย แต่มักพบมากในกลุ่มผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ อย่างไรก็ตาม หลายคนยังมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับโรคนี้ โดยเฉพาะในเรื่องของการแพร่กระจายและการป้องกัน ในบทความนี้ เราจะมาคลายข้อสงสัยและแก้ไขความเข้าใจผิดเกี่ยวกับงูสวัดกันครับ 1. งูสวัดคือโรคเดียวกับอีสุกอีใส งูสวัดคือโรคเดียวกับอีสุกอีใสหรือไม่? หลายคนอาจคิดว่า งูสวัด (Shingles) คือโรคเดียวกับ อีสุกอีใส (Chickenpox) เพราะทั้งสองโรคเกิดจากเชื้อไวรัสชนิดเดียวกัน คือ ไวรัสวาริเซลลาซอสเตอร์ (Varicella-zoster virus) แต่ในความเป็นจริงแล้ว งูสวัด และ อีสุกอีใส เป็นโรคที่แตกต่างกันทั้งในแง่ของการแสดงอาการ, กลุ่มผู้เสี่ยง, และวิธีการเกิดโรค ดังนี้: 1.1. การเกิดโรค อีสุกอีใส เกิดขึ้นเมื่อไวรัสวาริเซลลาซอสเตอร์…

Healthy News บทความทั่วไป

ไมโครพลาสติกกับสุขภาพ บ่อโรคและปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในระยะยาว

ไมโครพลาสติกเป็นชิ้นส่วนขนาดเล็กของพลาสติกที่มีขนาดเล็กกว่า 5 มิลลิเมตร ซึ่งปรากฏในสิ่งแวดล้อมทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นในน้ำ ดิน หรืออากาศ ไมโครพลาสติกไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศน์ แต่ยังมีผลต่อสุขภาพของมนุษย์โดยตรง การรับรู้ถึงปัญหานี้เพิ่มมากขึ้นเมื่อมีการค้นพบว่าไมโครพลาสติกสามารถเข้าสู่ร่างกายผ่านทางอาหารและน้ำดื่มได้ ผลกระทบของไมโครพลาสติกต่อสุขภาพ ไมโครพลาสติกสามารถเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ผ่านการบริโภคอาหารที่ปนเปื้อน เช่น ปลาและอาหารทะเลที่มีไมโครพลาสติกติดอยู่ หรือผ่านทางน้ำดื่มที่มีการปนเปื้อน ไมโครพลาสติกสามารถสะสมในอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น ตับ ไต และลำไส้ ซึ่งอาจทำให้เกิดการอักเสบและความเสียหายต่อเนื้อเยื่อ นอกจากนี้ ไมโครพลาสติกยังสามารถดูดซับสารเคมีอันตรายจากสิ่งแวดล้อม เช่น สารพิษและสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ เมื่อมนุษย์บริโภคไมโครพลาสติกที่มีสารเคมีเหล่านี้ ร่างกายอาจได้รับสารพิษสะสมที่มีผลกระทบในระยะยาว เช่น โรคมะเร็ง โรคระบบภูมิคุ้มกัน และโรคเรื้อรังอื่น ๆ ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในระยะยาว การสะสมของไมโครพลาสติกในร่างกายสามารถนำไปสู่ปัญหาสุขภาพที่ซับซ้อนได้ในอนาคต หนึ่งในปัญหาหลักคือการเกิดโรคเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคเบาหวาน…

บทความทั่วไป

5 สิ่งที่คุณอาจไม่รู้ว่าการบริจาคเลือดดีต่อสุขภาพคุณอย่างไร

การบริจาคเลือดเป็นหนึ่งในวิธีการช่วยเหลือสังคมที่สามารถสร้างผลดีให้กับตัวเราเองและผู้อื่นได้อย่างไม่คาดคิด หลายคนอาจมองว่าการบริจาคเลือดคือการเสียสละเพื่อช่วยชีวิตคนอื่น แต่คุณรู้หรือไม่ว่า การบริจาคเลือดเป็นประจำยังช่วยให้ร่างกายของเราได้รับประโยชน์ในหลากหลายด้าน ตั้งแต่การกระตุ้นให้ระบบไหลเวียนเลือดทำงานได้ดีขึ้น ไปจนถึงการเสริมสร้างความมั่นใจในสุขภาพของตนเอง การบริจาคเลือดมีประโยชน์มากมายกว่าที่คิด มาดูกันว่ามีอะไรบ้างที่คุณอาจยังไม่เคยรู้มาก่อน ประโยชน์ของการบริจาคเลือด ช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด การบริจาคเลือดเป็นประจำสามารถช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือดได้อย่างมีนัยสำคัญ เพราะระดับธาตุเหล็กในเลือดของเราจะถูกควบคุมให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เมื่อธาตุเหล็กสะสมในร่างกายมากเกินไปจะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดภาวะหลอดเลือดแข็งตัว ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของโรคหัวใจ ดังนั้นการบริจาคเลือดจึงเป็นวิธีที่ง่ายและปลอดภัยในการลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ และช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดทำงานได้อย่างราบรื่น กระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดใหม่ หลังจากที่เราบริจาคเลือด ร่างกายจะเร่งกระบวนการสร้างเม็ดเลือดใหม่ขึ้นมาทดแทนส่วนที่เสียไป กระบวนการนี้ช่วยกระตุ้นระบบการสร้างเม็ดเลือด ทำให้ร่างกายฟื้นฟูและสดชื่นขึ้น ถือเป็นการทำให้ระบบการผลิตเม็ดเลือดทำงานอย่างต่อเนื่อง ทำให้เรารู้สึกแข็งแรงและกระปรี้กระเปร่าอยู่เสมอ ตรวจสุขภาพฟรีทุกครั้งที่บริจาค การบริจาคเลือดเป็นการได้รับการตรวจสุขภาพเบื้องต้นฟรี ผู้บริจาคจะได้รับการตรวจวัดระดับฮีโมโกลบิน (hemoglobin) ภาวะโลหิตจางในเลือด ความดันโลหิต และตรวจเลือดเบื้องต้น ซึ่งทำให้เรารู้ถึงความสมบูรณ์ของร่างกายได้ในทุกครั้งที่ไปบริจาค อีกทั้งหากตรวจพบความผิดปกติใด ๆ ในการตรวจเลือด ผู้บริจาคจะได้รับคำแนะนำและการดูแลจากแพทย์ทันที จึงเป็นโอกาสที่ดีในการเช็กสุขภาพเป็นประจำ ลดโอกาสเสี่ยงต่อโรคมะเร็ง การสะสมธาตุเหล็กในร่างกายที่มากเกินไปเชื่อมโยงกับความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง เช่น มะเร็งตับ…