Home Tags คีโตลดอ้วน

Tag: คีโตลดอ้วน

คีโตเจนิค กินไขมันลดอ้วน แต่กินไม่ถูกวิธีอาจยิ่งอ้วน

คีโตเจนิค กินไขมันลดอ้วน แต่กินไม่ถูกวิธีอาจยิ่งอ้วน คีโตเจนิค อาหารลดน้ำหนักที่เป็นกระแสใหม่ ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานี้เกิดเทรนด์สุขภาพใหม่ๆ ที่ทำให้คนสนใจอย่างมากคือคีโตเจนิค ซึ่งมีการกินไขมันเพื่อลดน้ำหนัก และอยู่ในกระแสที่ต่างไปจากคลีนแบบเดิม แถมยังเหมาะสำหรับคนที่ชอบอาหารมันเพราะมีไขมันอยู่ แต่สามารถลดความอ้วนได้ ดังนั้นคีโตเจนิคกลายเป็นเครื่องมือที่ทำให้คุณลดน้ำหนักอย่างมีประสิทธิภาพ คีโตเจนิคคืออะไร? คีโตเจนิคคืออาหารที่มีไขมันสูง มีโปรตีนที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย และมีคาร์โบไฮเดรตต่ำ โดยศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิง พวงทอง ไกรพิบูลย์ จากคณะแพทยศาสตร์วิทยาลัยรังสีรักษา อธิบายว่า การรับประทานอาหารคีโตเจนิคทำให้ร่างกายดึงพลังงานจากไขมันแทนที่จะดึงพลังงานจากคาร์โบไฮเดรตเหมือนปกติ กลุ่มอาหารคีโตเจนิค กลุ่มอาหารแบบคีโตเจนิคถูกคิดค้นโดย นพ. Russell M....

Recent Posts

วิตามินที่ผู้หญิงหมดประจำเดือนควรกิน เพื่อช่วยลดอาการวัยทองได้ดี

วิตามินที่ผู้หญิงหมดประจำเดือนควรกิน เพื่อช่วยลดอาการวัยทองได้ดี วิตามินที่ผู้หญิงหมดประจำเดือนควรกิน มีหลายชนิดที่สามารถช่วยลดอาการวัยทองและสะสมพลังงานให้กับร่างกายของผู้หญิงได้ ในบทความนี้เราจะพูดถึง 4 ชนิดของวิตามินที่สำคัญและสามารถช่วยให้คุณรู้วิธีดูแลสุขภาพร่างกายของคุณในช่วงวัยทองได้อย่างเหมาะสม 1. วิตามินบี6 วิตามินบี6 เป็นวิตามินที่มีบทบาทสำคัญในการสร้างและซ่อมแซมเนื้อเยื่อในร่างกาย มันช่วยให้ระบบประสาททำงานได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังเป็นสารที่ช่วยสร้างสรรค์ฮอร์โมนที่สำคัญต่างๆ เช่น ฮอร์โมนเพศ ฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโตและฮอร์โมนที่รับผิดชอบในกระบวนการต้านการเกิดมะเร็ง นอกจากนี้ยังช่วยในการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย เพื่อป้องกันการเกิดโรคต่างๆ 2. วิตามินบี12 วิตามินบี12 เป็นวิตามินที่มีบทบาทสำคัญในกระบวนการสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดงในร่างกาย มันช่วยให้ระบบเลือดและระบบประสาททำงานได้อย่างเหมาะสม รวมถึงเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน และช่วยในกระบวนการย่อยอาหาร เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่จำเป็นอย่างเพียงพอ 3. วิตามินดี วิตามินดี เป็นวิตามินที่มีคุณค่าทางอาหารสำคัญ มันมีประสิทธิภาพในการสร้างเนื้อเยื่อในร่างกาย...

วิธีรักษาสิวผด สยบปัญหาผิวไม่เรียบ

วิธีรักษาสิวผด สยบปัญหาผิวไม่เรียบ วิธีรักษาสิวผดให้ผิวเรียบเนียนและสดใส สิวผด เป็นปัญหาผิวหน้าที่ไม่น่าพอใจสำหรับหลายคน มันทำให้ผิวเรียบไม่เรียงตัว ซึ่งส่งผลให้เราเสียความมั่นใจในการแสดงออกภายนอก ด้วยการใช้วิธีรักษาสิวผดที่เหมาะสม คุณสามารถทำให้ผิวหน้าของคุณเปล่งปลั่งและสดใสได้ ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปรู้จักกับวิธีรักษาสิวผดอย่างที่ถูกต้องและมีประสิทธิภาพ อ่านต่อเพื่อค้นหาวิธีที่เหมาะกับคุณ! วิธีทำความสะอาดผิวหน้าอย่างเหมาะสม การทำความสะอาดผิวหน้าเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการรักษาสิวผด ด้วยวิธีทำความสะอาดที่เหมาะสม คุณจะล้างสิ่งสกปรกและความสกปรกที่สะสมอยู่บนผิวหน้าได้อย่างทั่วถึง 1. ใช้เจลล้างหน้าที่มีส่วนผสมเป็นสมุนไพร การเลือกใช้เจลล้างหน้าที่มีส่วนผสมจากสมุนไพร เช่น บัวรดน้ำ, ฟ้าทะลายโจร หรือกานพลู จะช่วยล้างความสกปรกที่เกาะติดบนผิวหน้าอย่างอ่อนโยน และช่วยบำรุงผิวให้เนียนเรียบ นอกจากนี้ เจลล้างหน้าที่มีส่วนผสมของสมุนไพรยังมีสรรพคุณในการลดการอักเสบของสิวด้วย 2. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ การออกกำลังกายสม่ำเสมอช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดในร่างกาย ซึ่งทำให้สารสกปรกและสารพิษที่สะสมอยู่ในผิวหน้าถูกขับออกไปได้ดีขึ้น นอกจากนี้...

11 วิธีเผาผลาญไขมันในร่างกายโดยไม่ต้องไปฟิตเนส

11 วิธีเผาผลาญไขมันในร่างกายโดยไม่ต้องไปฟิตเนส การรักษาร่างกายให้เป็นทรงพลังและหุ่นสุดงามเป็นสิ่งที่ผู้คนหลายคนต้องการให้เกิดขึ้น ภายในบทความนี้จะมีวิธีการเผาผลาญไขมันในร่างกายอย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องไปออกกำลังกายที่ฟิตเนสหรือสถานที่อื่นๆ มาเริ่มกันเลย! 1. ออกกำลังกายตั้งแต่หลังตื่นนอน อย่าให้ร่างกายค้างคาวหลังจากการหลับหรือพักผ่อน ทันทีที่ตื่นนอนขึ้นมา คุณสามารถทำกิจกรรมออกกำลังกายง่ายๆ ในบ้านได้ เช่น กายภาพบ้านๆ หรือการเต้นรำเพื่อเริ่มวันใหม่ได้อย่างสดชื่นและกระตือรือร้น! 2. ขยับร่างกายระหว่างวัน ไม่ว่าคุณจะทำงานที่บ้านหรือที่ทำงาน อย่าลืมขยับร่างกายบ้างเพื่อกระตุ้นการเผาผลาญไขมันในร่างกาย คุณสามารถยืนหรือเดินไปมาบ้างเพื่อความเร็วของการเผาผลาญไขมันในร่างกายของคุณ 3. สั้นๆ ได้ใจกว่า เพิ่มความเร็วให้กับการเผาผลาญไขมันในร่างกายโดยการทำกิจกรรมที่มีความรุนแรงต่ำแต่เน้นความรวดเร็ว เช่น กระโดดเชือก กระตุ้นการเผาผลาญไขมันในร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพและสนุกสนาน 4. พักผ่อนให้เพียงพอ นอนหลับเพียงพอเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาร่างกายที่แข็งแรง ให้ความสำคัญกับการหลับให้เพียงพอตามเวลาที่ร่างกายต้องการ และหลีกเลี่ยงการตื่นกลางคืนเป็นประจำ เพื่อให้ร่างกายมีพลังงานที่เพียงพอในการเผาผลาญไขมัน 5....

“มือเท้าชา” สัญญาณอันตราย…ที่ไม่ควรเพิกเฉย

"มือเท้าชา" สัญญาณอันตราย...ที่ไม่ควรเพิกเฉย วิถีชีวิตที่นักเดินทางควรระวังและรู้จักจับต้อง ในชีวิตประจำวันของเรา มือเท้าเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้เราเคลื่อนที่ได้สะดวกสบาย แต่เสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุจาก "มือเท้าชา" ก็มีอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเป็นสัญญาณอันตรายที่เราไม่ควรเพิกเฉย วันนี้เราจะมาพูดถึงวิถีชีวิตที่นักเดินทางควรระวังและรู้จักจับต้อง เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝันในชีวิตของคุณเอง 1. การดูแลและส่งเสริมสุขภาพของมือเท้า เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดจาก "มือเท้าชา" นักเดินทางควรให้ความสำคัญกับการดูแลและส่งเสริมสุขภาพของมือเท้าอย่างสม่ำเสมอ ตรวจสุขภาพเท้าเป็นประจำ รักษาความสะอาดโดยล้างมือเท้าให้สะอาดทุกวัน และสวมใส่รองเท้าที่เหมาะสมในการเดินทาง โดยเลือกใช้รองเท้าที่มีความเหมาะสมกับกิจกรรมที่ทำและสภาพพื้นที่ในที่เดินทาง 2. การตรวจสอบสภาพแวดล้อมและเตรียมตัวก่อนการเดินทาง การตรวจสอบและประเมินสภาพแวดล้อมก่อนการเดินทางจะช่วยลดความเสี่ยงที่อาจเกิดจาก "มือเท้าชา" อย่างมีประสิทธิภาพ ก่อนออกเดินทาง ควรตรวจสอบว่ามีสิ่งกีดขวางหรืออุปสรรคใดๆ ที่อาจก่อให้เกิดอันตรายแก่มือเท้าหรือไม่ นอกจากนี้ ควรเตรียมตัวด้วยอุปกรณ์เพื่อรองรับสภาพแวดล้อมที่อาจเปลี่ยนแปลงได้...

10 สาเหตุที่ทำให้ “เท้าบวม”

10 สาเหตุที่ทำให้ "เท้าบวม" 1. นั่ง หรือยืนนานเกินไป การนั่งหรือยืนนานเป็นสาเหตุหนึ่งที่สามารถทำให้เท้าบวมได้ การใช้เวลานานในการนั่งหรือยืนโดยไม่มีการเคลื่อนไหวทำให้เลือกน้ำย่อยลดลงและเกิดการระบายของของเสียที่ช้าลง ทำให้น้ำในร่างกายค้างตามตำแหน่งที่ต้องการ จากนั้นจะทำให้เกิดอาการบวมบริเวณเท้า 2. ทานโซเดียมมากเกินไป การบริโภคโซเดียมเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สามารถทำให้เกิดอาการบวมเท้าได้ โซเดียมมีความสัมพันธ์กับการระบายของของเสียในร่างกาย การบริโภคโซเดียมมากเกินไปอาจทำให้ระดับน้ำในร่างกายสูงขึ้น และเกิดการความดันที่ผนังหลอดเลือด ส่งผลให้เกิดการค้างตัวของน้ำในเนื้อเยื่อและเกิดอาการบวมบริเวณเท้า 3. ผลข้างเคียงจากการทานยา บางประเภทของยาอาจมีผลข้างเคียงที่ทำให้เกิดอาการบวมบริเวณเท้า การทานยาบางชนิดอาจทำให้ระดับน้ำในร่างกายสูงขึ้น และทำให้เกิดการค้างตัวของน้ำในเนื้อเยื่อ ซึ่งจะทำให้เท้าบวมได้ 4. ตั้งครรภ์ สภาวะการตั้งครรภ์ส่วนใหญ่จะทำให้ระดับน้ำในร่างกายสูงขึ้น ฮอร์โมนที่มีผลต่อการระบายของของเสียจะมีปริมาณมากขึ้น ซึ่งสามารถทำให้เกิดอาการบวมบริเวณเท้าได้ 5. น้ำหนักมากเกินไป การที่น้ำหนักของร่างกายเป็นเกินความเหมาะสมอาจทำให้มีความกดทับต่อเท้าที่เพิ่มขึ้น ทำให้เลือกน้ำย่อยลดลงและเกิดการค้างตัวของน้ำในเนื้อเยื่อ ทำให้เกิดอาการบวมบริเวณเท้าได้ 6. ข้อเท้า...